แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ความแข็งแกร่งเหนือชั้น พลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง คริสตัล พาเลซ สองประตู กลับมาถล่มผู้มาเยือนไปอย่างสุดมันส์ 5-2 ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดย เควิน เดอ บรอยน์ กัปตันทีมที่เตรียมอำลาสนาม เป็นหัวใจสำคัญในการนำทัพ “เรือใบสีฟ้า” คว้าสามแต้มสำคัญในเกมนี้
หลังจากที่แนวรับของซิตี้โดนเจาะจนเสียสองประตูจาก เอเบเรชี เอเซ และ คริส ริชาร์ดส์ พาเลซขึ้นนำไปก่อน แต่จุดเปลี่ยนของเกมมาจากการริบคืนประตูที่สามของทีมเยือนจากเทคโนโลยีล้ำสมัยกึ่งอัตโนมัติ จากนั้นเป็นทีของซิตี้ที่ดาหน้าบุกแหลก โดย เดอ บรอยน์ จุดประกายการพลิกกลับด้วยฟรีคิกสุดสวยในนาทีที่ 33 ก่อนที่ โอมาร์ มาร์มูช จะตีเสมอในช่วงท้ายครึ่งแรก เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียงนาทีเดียว มาเตโอ โควาซิช ก็ซัดประตูขึ้นนำให้เจ้าถิ่น จากแอสซิสต์ของ เดอ บรอยน์
จากนั้นเป็นทีของ เจมส์ แม็คอาที ดาวรุ่งที่ได้ลงตัวจริงเป็นครั้งแรก มาบวกประตูที่สี่ และ นิโก้ โอ’ไรลีย์ ยิงปิดท้ายให้ซิตี้ถล่มไปถึง 5-2 คว้าชัยชนะสุดสำคัญ พร้อมขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ของตารางพรีเมียร์ลีก กดดัน เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล ในการแย่งชิงพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก
อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายของซิตี้คือ เอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูมือหนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งหลัง
ประเด็นสำคัญในเกม:
- “เดอ บรอยน์” โชว์เทพ: กัปตันทีมเรือใบสีฟ้า ยิงฟรีคิกสุดสวยและทำแอสซิสต์ นำทีมพลิกสถานการณ์
- เทคโนโลยี VAR แม่นยำ: ริบคืนประตูที่สามของพาเลซอย่างถูกต้อง
- เกมรุกเรือใบสุดโหด: ยิงถึง 5 ประตูในบ้านเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้
- ซิตี้บี้ท็อปโฟร์: คว้าสามแต้มสำคัญ แซงหน้าขึ้นไปอยู่อันดับ 4
- “เอแดร์ซอน” เจ็บ: ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของซิตี้ถูกเปลี่ยนตัวออก
- พาเลซออกนำแต่พ่าย: ทีมเยือนออกสตาร์ทดี แต่ไม่สามารถต้านทานการบุกของซิตี้ได้
ชัยชนะอันน่าทึ่งในเกมนี้ แสดงให้เห็นถึงจิตใจนักสู้ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังคู่แข่งในการลุ้นพื้นที่ยุโรป ขณะที่ คริสตัล พาเลซ ภายใต้การคุมทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ คงต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก หลังเสียท่าให้กับเกมรุกอันเฉียบคมของ “เรือใบสีฟ้า”