แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด รายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ผลงานในสนามจะย่ำแย่

19 กันยายน 2568 – ผลบอล7mแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดประกาศรายได้ทางการเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 666.5 ล้านปอนด์สำหรับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งแม้ว่าผลงานของทีมชายในสนามจะย่ำแย่ โดยพวกเขาจบอันดับที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก

โอมาร์ เบร์ราดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่าความยืดหยุ่นทางการเงินของสโมสรเป็น “จุดเด่นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” และชี้ว่าสโมสรสามารถสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ในช่วง “ปีที่ท้าทาย”

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จทางการเงินครั้งนี้คือสัญญาผู้สนับสนุนหลักบนเสื้อแข่งฉบับใหม่ระยะเวลา 5 ปีกับบริษัท Snapdragon ซึ่งช่วยให้สโมสรมีรายได้เชิงพาณิชย์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 333.3 ล้านปอนด์ ขณะที่รายได้จากการแข่งขันก็ทำสถิติใหม่ที่ 160.3 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ตาม รายงานทางการเงินของสโมสรยังเผยให้เห็นว่ารายได้จากการถ่ายทอดสดลดลง 48.9 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการที่ทีมไปเล่นในยูโรปาลีกแทนที่จะเป็นแชมเปียนส์ลีกที่สร้างรายได้มากกว่า และฤดูกาลนี้สโมสรก็ไม่ได้ลงแข่งขันในรายการยุโรปเลย

เพื่อเพิ่มความสามารถทางการเงินในการลงทุนในทีมชุดใหญ่ สโมสรได้ลดจำนวนพนักงานจาก 1,100 คนเหลือ 700 คน ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้สโมสรปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงิน

ค่าจ้างนักเตะถูกตัดลดลง 51.5 ล้านปอนด์ เหลือ 313.2 ล้านปอนด์ ส่วนใหญ่มาจากการที่ทีมไม่ผ่านเข้ารอบแชมเปียนส์ลีก ซึ่งทำให้ค่าเหนื่อยของนักเตะถูกลดลง 25% นอกจากนี้ รายงานยังระบุถึงค่าใช้จ่าย “รายการพิเศษ” จำนวน 36.6 ล้านปอนด์ ซึ่งรวมถึงค่าชดเชยให้กับอดีตผู้จัดการทีม เอริก เทน ฮาก, ผู้จัดการทีมชั่วคราว รุด ฟาน นิสเตลรอย และผู้อำนวยการด้านเทคนิค แดน แอชเวิร์ธ

หนี้สินระยะยาวของสโมสร ซึ่งมีมาตั้งแต่ตระกูลเกลเซอร์เข้าซื้อกิจการในปี 2005 ยังคงอยู่ที่ 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (471.9 ล้านปอนด์) นอกจากนี้ เงินกู้ยืมจากวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนของสโมสรก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 165.1 ล้านปอนด์

แม้จะมีปัญหาทางการเงินที่ซับซ้อนและขาดทุน 33 ล้านปอนด์ซึ่งเป็นการลดลง 70.8% จากปีก่อนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยังคงมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎกำไรและเสถียรภาพทางการเงินของพรีเมียร์ลีกและกฎการเงินที่เป็นธรรมของยูฟ่า

ในอนาคต สโมสรคาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมระหว่าง 640 ถึง 660 ล้านปอนด์ จนถึงเดือนมิถุนายน 2026 โดยข้อตกลงใหม่กับ Snapdragon ได้ช่วยให้พวกเขากลับมานำลิเวอร์พูลในแง่ของรายได้เชิงพาณิชย์ และเบร์ราดาแสดงความเชื่อมั่นว่าการลดต้นทุนจะสนับสนุน “เป้าหมายสูงสุด: ความสำเร็จในสนาม”